วันอังคารที่ 14 มิถุนายน พ.ศ. 2554

กินลม ชมวิว กับร้านอาหารจุดชมวิวทะเลกรุงเทพ

บางขุนเทียนชายทะเลใครเคยไปยกมือขึ้นนนน

เค้าว่ากันว่าที่นี่มีร้านอาหารทะเลอร่อยๆให้เลือกชิมกันหลากหลายร้าน แต่ละร้านมีจุดขายเด่นๆเหมือนกัน คือบรรยากาศที่เน้นความเป็นธรรมชาตินั่งกินลม ชมทะเล
แต่มีร้านหนึ่งที่พิเศษกว่าร้านอื่นคือต้องนั่งเรือออกไป เพราะร้านอยู่ในทะเล นั่นก็คือร้านจุดชมวิวทะเลกรุงเทพ Bangkok Seaview และนั่นก็คือจุดหมายปลายทางของเราในวันนี้


บรรยากาศงามๆ


การเดินทาง

จากถนนพระราม 2 ขับผ่านห้างบิ๊กซี สาขาพระราม 2 ประมาณ 500 เมตร แล้วให้เลี้ยวซ้ายเข้าถนนชายทะเลบางขุนเทียน ตรงมาอีก 13 กิโลเมตร จะเจอสามแยกแล้วให้เลี้ยวขวามาประมาณ 100 เมตร ให้สังเกตป้ายจุดชมวิวทะเลบางขุนเทียน ก็จะเห็นท่าเรือของร้านอาหารจุดชมวิวทะเลกรุงเทพฯ จะมีเรือพาไปถึงร้านอาหารจุดชมวิวทะเลกรุงเทพฯ (ค่าเรือ ผู้ใหญ่ 50 บาท/ เด็ก 20 บาท) ใช้เวลาเดินทางประมาณ 15 นาที
ถึงแล้วจ้า ลานจอดรถและจุดลงเรือ


เรือที่จะพาเรามุ่งหน้าสู่จุดหมายปลายทาง





 พร้อมออกเดินทาง


ท้องฟ้าสดใส วันนี้อากาศดีจริงๆ



เราจะเห็นบ้านลักษณะนี้ตลอดสองข้างทาง



การท่องเที่ยวเชิงอนุรักษณ์ ที่บางขุนเทียนชายทะเลค่ะ
วันเสาร์ อาทิตย์ มีนักท่องเที่ยวมาปั่นจักรยาน
มากันเป็นกลุ่ม เป็นคู่ หรือแบบเป็นครอบครัว มาเดี่ยวก็ยังได้
(อยากมาปั่นแบบเป็นคู่บ้างจัง อิอิ)



เสาหลักเขตกรุงเทพมหานคร
หลักฐานที่แสดงว่าเดิมพื้นที่ตรงนี้เคยเป็นพื้นดินมาก่อน




                                  ถึงแล้วค่ะ ร้านอาหารจุดชมวิวทะเลกรุงเทพ
                              Bangkok Seaview Restaurant



                                                                      มาแล้ว อาหารทะเลสดๆค่ะ



                                                                                

                หลังจากอิ่มกันจนหนังตาเริ่มจะปิด บวกกับลมทะเลเย็นๆ ทำให้รู้สึกอยากนอนกันสักคนละงีบ ไม่ได้แล้ว ต้องออกมายืดเส้นยืดสายกันสักคนละแช๊ะ สองแช๊ะ






     หนังตาเริ่มหย่อนหลังกินอิ่มสุดๆ ต้องออกมาเดินรับลม ถ่ายรูปกันหน่อย









 ใครอืดกว่ากัน อิอิ  


ชิล ชิล กับสองสาว(โสด)



แล้วพวกเราก็อิ่มหนำสำราญ บันเทิงใจกันถ้วนหน้า ได้เวลาเดินทางกลับ
หากใครมีเวลา มีโอกาส ลองไปสัมผัสบรรยากาศชิลชิล ที่นี่ดูน๊ะคะ

* ที่ร้านอาหารจุดชมวิวกรุงเทพหยุดทุกวันจันทร์น๊ะคะ*



วันอังคารที่ 25 มกราคม พ.ศ. 2554

ถ่ายรูปสวยๆที่สวนนงนุช

ใครที่มองหาสถานที่ถ่ายรูปสวยๆ ไม่ไกลกรุงเทพ เราขอแนะนำที่นี่เลย

สวนนงนุช พัทยา


ออกเดินทางประมาณ 7 โมงเช้า  ถึงจุดหมายปลายทางประมาณ 8 โมงกว่าๆ  แดดนิดหน่อย แสงกำลังสวย ไม่รอช้า...ว่าแล้วก็รีบมองหามุมถ่ายรูปกันเลย


ภาพแรกของทริป " ยินดีต้อนรับสู่เขาเขียวค่ะ "


"อากาศดีมากค่ะ"
2  ภาพนี้ถ่ายที่ สวนเนินลายปีกผีเสื้อ (Butterfly Hill)

สวนเนินลายปีกผีเสื้อ ปลูกไม้ประดับสีต่าง ตกแต่งแล้วเหมือนปีกผีเสื้อ เป็นมุมถ่ายรูปที่ต้องไม่พลาดน๊ะจ๊ะ 
 เราเลือกถ่ายกันหน้าลานน้ำพุ เห็นรอยยิ้มของเหล่านางแบบ 555บวกกับ ละอองน้ำพุ ยะฮู้วว!!!ภาพนี้ดูสดชื่น ดีจัง



ระหว่างรอรถราง


อ๊ะ อ๊ะ เด็กๆอย่าซน  เป็นธรรมชาติของเด็กๆค่ะ เวลาเห็นตัวการ์ตูนก็ออกอาการซนกันสุดฤทธิ์ ( 555ทำเนียนไป)



สาวเกาหลีนิคเนม "คานยังคอย" มาพร้อมกับรถไฟขบวนสุดท้าย
                                    เที่ยวนี้*** ด่วนพิเศษ*** 555 จัดไป



ที่นี่มีบริการรถรางค่ะ ถ้าจะให้เดินเที่ยวเองคงไม่ไหว เพราะสวนนงนุชกว้างมากค่ะ ประมาณ 1500 ไร่  โอ้...คงได้เดินกันจนเปลี้ย!!!เลยทีเดียว...




สวนกระบองเพชร ...


เห็นแล้วถึงกับอี้ง...ทึ่ง กันไปเลยคร้า!!!  ว๊าวช่างเป็นกระบองเพชรที่ใหญ่และสมบูรณ์แบบได้ใจดีจริง-ๆ
ต้องขอปรบมือดังๆให้กับคนดูแลของที่นี่ ว่ากันว่าการปลูกต้นกระบองเพชรต้องใช้ทั้งความรู้ และความใส่ใจมาก-มาก


    สวนมด 



มดตัวน้อยตัวนิด มีฤทธิ์น่าดู ยู้ฮูๆ--- มดที่นี่ตัวใหญ่ ถึงใหญ่มาก
แต่ไม่มีฤทธิ์น๊ะคะ แต่ละตัวสีสันจัดจ้าน จนอดใจไม่ไหวค่ะ
ต้องตรงเข้าไปถ่ายรูปกับเหล่าบรรดามดทั้งหลาย
(ปล.มดที่ว่าใหญ่ 5555ยังใหญ่สู้เราไม่ได้เลย อิอิ)


สวนไม้ดอกไประดับ


แช๊ะ! แช๊ะ! แช๊ะ! สวนไม้ดอกไม้ประดับ สวนไม้พุ่ม ไม้ดัด   ดอกไม้ต่างๆ
เบ่งบานชักชวนให้เราเข้าไปถ่ายรูปด้วย   งานนี้กดกันจนชัตเตอร์แทบจะหลุด
พวกเราก็เลยยิ้มบานแฉ่ง แข่งกับดอกไม้ซะเลย อิอิ




สวนฝรั่งเศส จำลองแบบมาจากพระราชวังแวร์ซายเชียวน๊ะเนี่ย
ของเค้าดีจริง-จริง







สโตนเฮนจ์ (Stoneheng)
เป็นการนำเอาหินวางเรียงกันเป็นวงกลม ที่สวนนงนุช
 
ได้จำลองแบบมาจากประเทศอังกฤษ  ว๊าวอลังการ งานสร้างดีจริง-จริง




และแล้ว หุ-หุ """"เริ่มเหนื่อยกันแล้วละซรี๊!"""




     ตะลุยถ่ายกันมาได้พักใหญ่  แดดเริ่มมา พักเหนื่อยหลบแดดกันซักหน่อย
     นี่ขนาดพักเหนื่อยน๊ะคร๊า!!! ยังไม่วาย อิอิ จัดไปซักคนละแอ๊ค





เหนื่อยขนาดไหนก็ บ่ยั่นอ่ะ เรื่องถ่ายรูปเนี่ย ถึงไหนถึงกัน
ขณะนั่งพักเหนื่อน ทันทีที่หูได้ยินเสียงชัตเตอร์
 แต่ละนางก็สวมวิญญานนางแบบทันที
สู้ตายค่ะ
Soo-Soo


   สุดท้ายก่อนมุ่งหน้าไปซิลเวอร์เลคค่ะ

วันพุธที่ 19 มกราคม พ.ศ. 2554

ไปเลย

สิ้นปีแล้วไปเที่ยวไหนดีน๊ะ...
ไปปายยย ...ไม่เอาคนเยอะ
ไปเชียงใหม่...ไกลจัง
ไปวังน้ำเขียว...ว้าว ว้าว อยากไป ...
แต่...
"ขอโทษค่ะ รีสอร์ทช่วงปีใหม่เต็มแล้วค่ะ โอกาสหน้าเชิญใหม่น๊ะคะ"
เฮ้อ!!!ไปไหนดี ไปไหนดี...
ไปเลย!!!
ไปเลยดีกว่า จุดหมายปลายทาง...เชียงคาน "no more plan"



ว๊าว!!!
            เร็วเท่าใจคิด บวกกับความชำนาญเรื่องการจัดทริปของเพื่อนสาว
                                              ในที่สุดการเดินทางก็เริ่มต้น...


จากกรุงเทพใช้ทางหลวงหมายเลข 1(พหลโยธิน)
เมื่อถึงจ.สระบุรีใช้ทางหลวงหมายเลข 2(มิตรภาพ)ผ่านอ.ปากช่องลำตะคอง แยกซ้ายเข้าอ.สีคิ้ว จ.นครราชสีมาเข้าสู่ทางหลวงหมายเลข 201
ผ่านอ.ด่านขุนทดเข้าสู่ จ.ชัยภูมิ แยกขวาและไปตามทางหลวงหมายเลข 201 ผ่านอ.คอนสวรรค์ อ.แก้งคร้อ ,อ.ภูเขียว,อ.ชุมแพ จ.ขอนแก่น เมื่อเชื่อมกับทางหลวงหมายเลข 12 แยกซ้ายไปทางอ.คอนสาร
จากนั้นแยกขวาไปตามทางหลวง หมายเลข 201สู่เขตจ.เลยอีกที ที่ภูผาม่าน
ผ่านภูกระดึง วังสะพุง ถึงตัวเมืองเลย สุดท้ายแยกขวาสู่อ.เชียงคาน รวมระยะทางประมาณ 597 ก.ม.( อิอิ อันนี้ไปหามาบอก )




เช้านี้ที่เชียงคาน กับอาหารมื้อแรก



 อาหารมื้อแรกที่เชียงคาน
 อิ่มอร่อยกับปลาท่องโก๋ยัดไส้อาหารที่หากินได้ที่เชียงคาน...
กินกับกาแฟโบราณยามเช้า เรียกชีวิตชีวาก่อนลุย
ก๋วยจั๊บน้ำหอมกรุ่น... แจ่วข้าวปุ้นอาหารพื้นเมืองที่ไม่ควรพลาด





มาเทียวเชียงคาน ต้องปั่นจักรยานชมเมือรับอากาศดีดี
แวะร้านกิ๊ฟชอปเก๋เก๋ซื้อของที่ระลึก หยุดพักถ่ายรูป





จักรยานมีมากมาย จัดไห้เช่าที่ถนนศรีเชียงคาน
 50 บาทก็ปั่นกันเพลินจนน่องแทบโป่ง





 ร้านขายเสื้อยืดที่ระลึกเชียงคาน มีให้เห็นมากมาย
 แวะถ่ายรูปก็อย่าลืมอุดหนุนกันน๊ะจ๊ะ  ราคาไม่แพง
 แถมใส่แล้วน่ารักมากมาย



รับเสื้อยืดซักตัวมั้ยคะ  คนขายใจดี เลือกได้ ลองได้ เปลี่ยนได้
ราคาไม่แพงค่ะ สีสันสดใส ออกแบบน่ารัก



ร้านขายของที่ระลึกจัดมุมไว้ให้ถ่ายรูป 
ถ่ายกันตามสบาย
 เจ้าของร้าน่ารักมากไม่มีหวงสถานที่ 

         "ความใจดี"ของผู้คนที่นี่ กลายเป็นเสน่ห์อย่างหนึ่งของเชียงคาน"






หลังจากลัลลาจากการถ่ายรูปกัจนลืมเวลา
ก็เดินมาจนถึงร้านขนมปังสังขยา ร้านนี้คนขายเป็นชายหนุ่มหน้าตาเป็นมิตร  ยิ้มแย้มทักทายกับบรรดานักท่องเที่ยวทั้งหลายอย่างเป็นกันเอง
ทำให้ขนมปังสังขยาที่อร่อยอยู่แล้ว มีรสชาดอร่อยมากขึ้น
พักเหนื่อยกันที่นี่ก่อนจะไปเพลิดเพลินกับการถ่ายรูปกันต่อไป


    เวลาผ่านไป เริ่มจะเที่ยงแล้ว 
 เดินผ่านมาเจอร้านตำข้าวปุ้น กับไก่ย่างท่าทางยั่วน้ำลายได้ที่




 มื้อนี้ จัดหนัก5555+กะจะกินกันเล่นๆ กินซะไก่แทบจะหมดร้าน




เส้นข้าวปุ้น หรือ เส้นขนมจีนของที่นี่ ทำให้เห็นกันสดๆเลยทีเดียว
เจ้าของร้านก็ใจดี แถมให้เราอีกหนึ่งจานใหญ่
กินกันจนแทบจะหลับคาร้านเลยทีเดียว
                                                                                    



ปิดท้ายด้วยภาพสวยๆ ของผู้เดินทางทั้งสี่ค่ะ อิอิ (สวยซะ)


เริ่มจากสาวผู้นี้ก่อน อิอิ



ไม่ช่าย ไม่ช่าย... 555
นี่คือคุณยายที่เป็นไอดอลของเชียงคานเรยทีเดียว
คุณยายเพิ่งจะตักบาตรข้าวเหนียวเสร็จ ก็เลยออกมานั่งชมบรรยากาศยามเช้า นั่งยิ้มให้กับนักท่องเที่ยวที่ผ่านไปมา
เราเลยขอถ่ายรูป คุณยายสวมมาดนางแบบสาวทันที (รู้มุมกล้องจริงๆ)



และนี่คือโฉมหน้าผู้เดินทางของเรา


เธอผู้ไม่แพ้

 


                    เธอผู้ที่กาลเวลาไม่อาจพราก ( แบ๊วตลอด ตลอด )




เธอผู้นำ เนวิเกเตอร์ (ไม่หลงถ้าไม่หลับ)



และเธอ...ผู้ถ่าย  ถ่ายทุกที่ 555